ความสุขที่ไม่ต้องพยายาม
- Inspiresoul Thailand
- Oct 28, 2022
- 1 min read

"ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" ประโยคนี้ได้ยินมานานมาก ซึ่งอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้สำหรับบางคน คนที่สามารถไปสู่ความสำเร็จได้ ก็อาจจะเชื่อในความพยายาม ในทางตรงข้ามคนบางคนที่พยายามแต่ยังไม่เคยไปสู่ความสำเร็จนั้นได้ ก็อาจจะกำลังคิดว่าตนเองจะต้องพยายามต่อไป หรือจะต้องล้มเลิกความพยายามนั้น คุณกำลังเป็นคน ๆ นั้นอยู่หรือไม่
หากคุณไม่สนใจในปลายทางมากนัก คุณก็จะเข้าใจได้ว่า
ความพยายามสอนให้คุณรู้จักความอดทน และในระหว่างที่คุณพยายามนั้นคุณก็สามารถเรียนรู้ตัวตนของตนเองได้
นี่คือมุมมองอีกด้านหนึ่งที่จะทำให้คุณมองเห็นประโยชน์ของความพยายาม โดยไม่ได้สนใจผลของการ กระทำที่ปลายทางมากนัก เฉกเช่น การเดินทางของชีวิต ที่บางคนมองว่า
ชีวิตไม่ใช่การค้นหาความสุข แต่เป็นการผจญภัย
ถ้าคุณเป็นนักผจญภัยที่กล้าแกร่ง คุณจะไม่กลัวต่อสิ่งใด และพร้อมที่จะอยู่หรือต่อสู้เพื่อก้าวข้ามสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าสถานการณ์เหล่านั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม แนวความคิดนี้อาจจะทำให้เราคาดหวังน้อยลงกับการพบเจอความสุขในชีวิต แต่อาจจะทำให้คุณพบว่า เวลาที่มีอันน้อยนิดนั้น ความโศกเศร้าเสียใจ และความสุขที่จะเกิดขึ้นนั้น ต้องสร้างจากตัวคุณเอง ดังนั้นการใช้ความพยายามกับสิ่งใด ๆ ก็ตาม ก็สามารถเปรียบเทียบได้กับการผจญภัยในชีวิตของคุณ
ปรัชญา แนวคิด ศาสนา ล้วนแนะนำสิ่งต่าง ๆ ที่จะทำให้มนุษย์นำไปใช้เพื่อให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดี ความเข้าใจในปรัชญา แนวคิด และศาสนา อาจผิดเพี้ยนจากเจตนาของผู้กล่าวแนะนำข้อความต่าง ๆ นั้นได้ อย่างไรก็ตามหากเปิดใจกว้าง และพยายามมองในภาพรวม การเชื่อมต่อระหว่าง ปรัชญา แนวคิด และศาสนานั้น ต่างหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งมีเป้าหมายในรูปแบบเดียวกัน นั่นคือการนำพามนุษย์ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยความเป็นอยู่ที่ดี
หลายความเชื่ออาจกล่าวถึงการพ้นทุกข์ และพยายามที่จะช่วยเหลือให้มนุษย์นั้นพ้นทุกข์ และหลายความเชื่อก็จะกล่าวถึงความสุข และพยายามที่จะช่วยเหลือให้มนุษย์นั้นมีความสุข ทั้งสองแนวคิดอาจจะดูมีเป้าหมายที่ต่างกัน แต่หากจะคิดให้ดีแล้ว การพ้นทุกข์ก็นำไปสู่การมีความสุขได้ และในทางกลับกันการมีความสุขก็นำไปสู่การพ้นทุกข์ได้เช่นกัน
การเรียนรู้เข้าใจในความทุกข์ และเรียนรู้เพื่อปลดปล่อยความทุกข์ การเรียนรู้เข้าใจในความสุข และพยายามเรียนรู้เพื่อสร้างความสุข ทั้งสองรูปแบบการเรียนรู้นั้นก็เพื่อเป้าหมายเดียวกันคือ "ความเป็นอยู่ที่ดี"
คุณอาจจะพิจารณาในเรื่องของพลังงานหยินและหยาง การเรียนรู้ปรับสมดุลจากสิ่งที่แตกต่างกันนั้น ก็จะทำให้เกิดความกลมเกลียว เพราะในโลกนี้มนุษย์แต่ละคนนั้น ไม่มีความเหมือนกันไปหมด และต่างกันไปหมด เราต่างเป็นส่วนผสมที่คล้ายกันในบางมุมมอง และต่างกันในบางมุมมอง การปรับสมดุลเพื่อให้เข้ากันได้ อาจจะดูไม่ง่ายนัก หากเราแต่ละคนยังมีอัตตาในใจ การยอมรับผู้อื่น การทำความเข้าใจตนเอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเห็นอกเห็นใจ จึงอาจจะเกิดขึ้นได้ยาก
วู่เว้ย (Wu wei) ปรัชญาในลัทธิเต๋า ได้กล่าวถึงศิลปะการดำรงชีวิต - Effortless living โดย "การกระทำที่ไม่ใช้ความพยายาม" การดำรงชีวิตตามวิถีนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องทำอะไร แต่เป็นการกระทำไปตามน้ำ หรือตรงกับภาษาอังกฤษที่ว่า Go with the flow วู่เว้ย กล่าวว่าชีวิตของคนเรามักจะมีบางสิ่งบางอย่างเข้ามาตลอดเวลา การกระทำโดยไม่บังคับให้เหตุการณ์ต่าง ๆ นั้นเกิดขึ้น คือสิ่งที่ควรกระทำ หากเราจะต้องทำสิ่งใด ๆ ก็ตามด้วยการบังคับและควบคุม สิ่งนั้นก็มักจะบั่นทอนจิตใจของตัวเรา และเรามักจะเกิดความรู้สึกต่อต้าน ไม่ยอมรับผลต่าง ๆ ที่แตกต่างไปจากความต้องการของตนเอง คนที่ต่อต้านหรือไม่ยอมรับที่มักพยายามควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ มักจะไม่ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว
การดำรงชีวิตของมนุษย์เรามักไม่มีอะไรแน่นอน สิ่งต่าง ๆ รอบตัวเราก็มีการเปลี่ยนแปลงเสมอ
การต่อต้าน ไม่ยอมรับ และควบคุม เพื่อกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด จึงทำให้เราไม่สามารถสร้างความสมดุลของพลังงานในชีวิตที่มีสองด้าน หยิน และ หยาง ได้ การเรียนรู้เพื่อสร้างสมดุลในชีวิตจะทำให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เช่น คนที่มีความสุภาพซึ่งอาจจะถูกเอารัดเอาเปรียบจากคนอื่นได้ง่าย ก็อาจจะต้องเรียนรู้ที่จะเป็นคนแข็งกระด้างบ้าง ในทางกลับกันคนที่แข็งกระด้างก็ควรเรียนรู้ที่จะอ่อนน้อมหรือสุภาพ เพื่อลดการกระทบกระทั่งกัน หากสามารถถอดอัตตาในตัวตนของได้ มนุษย์ทุกคนก็อาจจะไม่มีบุคลิกภาพ และสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่อยากจะเป็น โดยไม่เอากฎเกณฑ์ของสังคมมาตัดสิน
การไม่พยายามทำ คือ ไม่จำเป็นต้องทำถ้าจะต้องควบคุม แต่เมื่อถึงเวลาที่สมควรทำก็ต้องทำ
คุณอาจจะนึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต ที่คุณอาจจะนั่งทบทวนใคร่ครวญคิด เพื่อหาทางแก้ปัญหา หรือ หาทางออกต่าง ๆ จนอาจจะทำให้ตนเองเกิดความเครียด และบั่นทอนจิตใจ ภาวะเช่นนั้น ก็อาจจะสะท้อนถึงภาวะการใช้ความพยายาม แต่ถ้าคุณสามารถปรับจิตใจตนเองได้ โดยยอมรับ ให้สิ่งต่าง ๆ นั้นเกิดขึ้นตามวิถีของมันเอง คุณก็อาจจะเริ่มเรียนรู้ และเริ่มมองเห็นสิ่งต่าง ๆ อย่างชัดเจน โดยที่ชีวิตกำลังเปิดเผยหรือตีแผ่สิ่งนั้นออกมาเอง
ศิลปะอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิต คือ การปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ เปิดเผย ออกมาเอง
โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ หรือการปล่อยวาง แล้วคอยสังเกตตัวตน และสิ่งต่าง ๆ รอบข้าง คุณก็จะมีความสุขได้ง่ายขึ้น ความเห็นอกเห็นใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่น จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดความสุข และทำให้การปล่อยวางนั้นเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อม ๆ กับการลดอัตตาในตนเอง ความเมตตาและความกรุณาจะเข้ามาทดแทน ท้ายที่สุดก็จะเกิดความสุขได้โดยไม่ต้องพยายาม
Inspire Soul
Copyright @2022 by www.inspiresoulthailand.com ห้ามเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
Comments