top of page

    จิตวิญญาณกับการตื่นรู้

    Updated: Jun 21, 2022




    Spirituality หรือ จิตวิญญาณ เป็นการเรียนรู้ที่เชื่อว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เร้นลับ หรืออาจมองว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธื์หรือเพราะเจ้า (God) พระเจ้าในที่นี้ไม่ได้หมายถึงบุคคลแต่อย่างใดแต่เป็นแหล่งที่เป็นต้นกำเนิดของดวงจิตวิญญาณของทุกสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ในจักรวาล

    เรื่องราวที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณจึงเป็นการเรียนรู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้นอกเหนือไปจากกายภาพ ซึ่งเราอาจรับรู้ได้จากพลังงานบางอย่าง

    ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมติเราอยู่ในสถานที่บางแห่ง เราอาจจะมีความรู้สึกพิเศษบางอย่างกับสถานที่นั้น เช่น มีความเบิกบาน หรืออาจมีความกลัว นั่นอาจจะเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่เตือนเราว่าเราสัมผัสได้กับบางสิ่งบางอย่างที่เรามองไม่เห็น


    การตื่นรู้ (Spiritual awakening) เป็นการตื่นขึ้นของจิตวิญญาณ

    หลายคนอาจใช้ชีวิตประจำวันอย่างไร้จุดมุ่งหมาย พาลทำให้การใช้ชีวิตของตนเองมีแต่ความทุกข์และไม่น่ารื่นรมย์ การตื่นรู้จึงเกิดขึ้นได้เพื่อกระตุ้นให้กลับมาอยู่ในโลกแห่งปัจจุบัน และมุ่งใช้ชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น


    การตื่นรู้อาจเกิดขึ้นจากการถูกกระตุ้นด้วยเหตุการณ์บางอย่าง แต่ละคนอาจจะถูกกระตุ้นด้วยเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไป ในบางช่วงชีวิตของคุณอาจจะสังเกตเห็นได้ว่ามีบางอย่างปรากฎขึ้นกับหลายๆคนและคล้ายๆกัน เช่น บางคนถูกกระตุ้นด้วยการหย่าร้างหลังจากแต่งงานหรืออยู่กินกันมานาน บางเหตุการณ์อาจจะเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ หรือปัญหาส่วนตัว หรือแม้แต่กระทั่งการพบเจอบุคคลพิเศษเช่น เนื้อคู่ หรือ เนื้อคู่จิตวิญญาณ ในชีวิต นอกจากนี้แล้วเหตุการณ์ที่กระตุ้นนั้นอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดกับบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับคุณเองก็ได้


    การตื่นรู้จึงเป็นการเขย่า เพื่อปลุกสติและการรับรู้ (Awareness) ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อเปลี่ยนผ่านจากสภาวะที่อาจดูสิ้นหวัง เรื่อยเปื่อย ไร้จุดมุ่งหมาย ไปสู่ความเบิกบาน ความมั่นคง และที่สำคัญคือการทำประโยชน์ให้กับตัวเองและผู้คนรอบข้าง

    ในทางจิตวิญญาณมองว่าการใช้ชีวิตที่ไร้จุดมุ่งหมาย หรือรูปแบบการใช้ชีวิตแบบเดิมๆที่เต็มไปด้วยความทุกข์ บาดแผลที่สะสมจากความผิดหวัง หรืออะไรต่างๆที่สร้างปมในใจของคุณ ในลักษณะนี้คือการใช้ชีวิตที่อยู่ในระดับคลื่นสั่นไหวแบบต่ำ (Low vibration) พระเจ้าจึงได้ช่วยเหลือเพื่อให้คุณปรับปรุงตนเองเพื่อพัฒนาจิตใจและเรื่องอื่นๆที่อาจตามมาเพื่อยกระดับคุณค่าในตัวคุณ


    การตื่นรู้ เป็นการปลุกให้คุณตระหนักถึงสิ่งต่างๆรอบตัว แล้วทำการปรับปรุงตัวขนานใหญ่เพื่อเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตไปอยู่ในระดับคลื่นสั่นไหวแบบสูง (High vibration) ที่มีการตื่นตัวตลอดเวลา การตื่นตัวที่เกิดขึ้นทำให้เรามองเห็นเป้าหมายในการใช้ชีวิตที่ชัดเจน ทำให้เรามองเห็นตัวเองและคุณค่าในตัวเองที่ชัดเจนขึ้น เมื่อคุณเห็นคุณค่าในตัวเองที่ชัดเจนขึ้น คุณก็สามารถที่จะลุกขึ้นมาทำสิ่งใดๆก็ตามที่มีประโยน์ต่อตนเองและต่อผู้อื่นได้


    การตื่นรู้จะค่อยๆเกิดขึ้นและใช้เวลาระยะหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงจากสภาวะเดิมไปสู่สภาวะใหม่ ซึ่งคุณเองก็ยังจะต้องใช้ชีวิตเพื่อให้คงไว้ซึ่งสภาวะตื่นรู้เพื่อทำให้คุณสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขหลังจากผ่านการเปลี่ยนผ่านนั้นไปแล้ว

    ความสุขเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นคือการคงไว้ซึ่งความสุขในระยะเวลาที่นานขึ้น

    การตื่นรู้อาจแบ่งออกเป็น 6 ขั้นตอนดังต่อไปนี้

    1. การตื่นจากสิ่งกระตุ้นเตือน คุณอาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์หรือสิ่งรอบตัว จนกระทั่งจิตวิญญาณตนเองเริ่มตื่นเพื่อที่จะดำเนินเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง การกระตุ้นเตือนอาจเป็นเหตุการณ์ใดๆก็ได้ที่เกิดขึ้น เช่น การพบเจอเนื้อคู่ ทวินเฟลม หรือเหตุการณ์ในขีวิตปกติเช่น การหย่าร้าง การประสบปัญหาชีวิต หรือเหตุการณ์จากสิ่งแวดล้อม สิ่งกระตุ้นเตือนเหล่านั้นมักกระทบจิตใจในระดับที่คุณเองก็แทบจะตั้งตัวไม่ติด เกิดความรู้สึกบางอย่างในใจอย่างท่วมท้น เช่น เสียใจ เห็นอกเห็นใจ ดีใจ

    2. สภาวะเร่ิมเปลี่ยนแปลง อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย และเริ่มที่จะสัมผัส (connect) ได้กับสิ่งรอบข้าง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อนั่งอยู่ในสวนสาธารณะเริ่มจะซึมซาบกับบรรยากาศรอบตัว ในสภาะนี้เริ่มที่จะมีจิตใจที่เบิกบาน (bliss) มองเห็นนกบินอย่างสวยงาม มองเห็นคลื่นน้ำเป็นริ้ว คุณจะสัมผัสได้ถึงธรรมชาติรอบตัว มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกแม้ว่าเรื่องบางอย่างนั้นเป็นแค่เรื่องธรรมดา ซึ่งในอดีตคุณอาจไม่เคยสังเกตเห็นมันเลย คุณอาจจะต้องปรับเรื่องอาหารการกิน เพราะสภาวะนี้กำลังมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคุณเพื่อเปลี่ยนการดำรงชีวิตในคลื่นสั่นไหวระดับต่ำไประดับสูง อาจจะต้องกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เช่น มังสวิรัติ หรืออาหารที่มีผักเป็นหลัก และอาจจะต้องออกกำลังกาย เช่น โยคะ คุณจะเริ่มมีความสุขและมีการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบข้าง

    3. หลงและอยู่ในค่ำคืนที่มืดมัวของจิตวิญญาณ (Dark night of the soul) สภาวะนี้เกิดจากสภาวะก่อนเมื่อคุณมีความสุข จิตใจของคุณจะเริ่มมี Empathy หรือความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เช่น เมื่อเห็นผู้คนที่ยากไร้คุณจะรู้สึกสงสารจับใจ เมื่อได้รับฟังข่าวที่ค่อนข้างโหดร้ายคุณอาจจะเกิดอาการเกลียดชังเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มองเห็นกิเลศตัณหา การไม่ช่วยเหลือกัน หรือไม่สนใจกันของคนในสังคม สภาวะนี้อาจจะต้องระวังจิตใจตัวเองให้มาก จากที่เคยเบิกบานกลับกลายเป็นความอ่อนแอ มีความรู้สึกโดดเดี่ยว อย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าชีวิตเกิดมาทำไม มีความหดหู่ใจ สิ้นหวังกับชีวิตและสิ่งต่างๆที่คุณซึมซับ

    4. สภาวะปลดปล่อยความทุกข์และอดีตที่ผ่านมา ในสภาวะนี้คุณอาจเลือกที่จะตัดเพื่อนบางคนของคุณออกไป คุณอาจจะเลือกทำสิ่งที่สำคัญเท่านั้นโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร คนบางคนอาจจะเป็นคนที่คิดมาก ฟังเสียงคนรอบข้างมาตลอดชีวิตจนไม่กล้าที่จะทำอะไรหรือไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่สภาวะนี้คุณกำลังเริ่มมองหาสิ่งที่มีความหมายสำหรับชีวิตคุณเท่านั้น คุณเริ่มค้นหาตัวตน หาเส้นทางที่จะกำหนดให้กับตัวเอง เช่น อาจเริ่มมองหากิจกรรมใหม่ๆ ที่มีความหมายต่อตนเอง อาจลองทำกิจกรรมหรืองานบางอย่างที่คุณอยากทำจากส่วนลึกๆในจิตใจคุณ โดยอาจจะไม่ได้สนใจถึงสิ่งตอบแทนที่คุณจะได้รับ

    5. สภาวะท้อแท้หรือปล่อยวาง จากสภาวะก่อนหน้าเมื่อคุณได้พยายามค้นหาตัวตนและเป้าหมายใหม่ๆของคุณ คุณอาจจะเริ่มเกิดความท้อแท้ เนื่องจากคุณอาจมองไม่เห็นว่าเป้าหมายที่คุณต้องการทำจะนำไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไร คุณอาจจะปล่อยวางมันไว้เพื่อจะหาหนทางที่มันจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม คุณเริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตปกติที่มีความสุขมากขึ้น คุณเริ่มพึงพอใจกับสิ่งที่เรียบง่าย คุณสามารถที่จะเข้ากับผู้คนรอบข้างได้อย่างกลมกลืน จิตใจของคุณมีความเข้มแข็งและมั่นคงมากขึ้น เข้าใจถึงแก่นแท้ความเป็นธรรมดาของชีวิต

    6. สภาวะกลับไปสานต่อเพื่อไปต่อในเส้นทางที่กำหนดเพื่อให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม คุณอาจจะกลับไปสานต่องานเดิมที่คุณวางไว้ และใส่ใจทำด้วยความมุ่งมั่นเพื่อให้มันเกิดขึ้น โดยไม่ได้สนใจผลลัพธ์ที่อาจจะเกิดขึ้น สิ่งที่คุณสานต่อจะถูกผนวกเข้ากับการใช้ชีวิตปัจจุบันได้อย่างลงตัว

    สภาวะการตื่นรู้อาจไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกๆคน ถ้าคุณใช้ชีวิตอย่างมีสตินั่นหมายความว่าคุณมีการตื่นรู้อยู่แล้วในตัวเอง


    บุคคลที่ประสบกับการตื่นรู้อาจใช้ระยะเวลาในแต่ละขั้นตอนยาวนานแตกต่างกันไป ซึ่งโดยรวมแล้วอาจจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 1 - 3 ปี

    หลังจากการตื่นรู้ก็ต้องมีการพัฒนาจิตใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้ชีวิตมีความสุขอย่างยั่งยืน

    Inspiresoul



    @copyright 2022 สงวนลิขสิทธิ์ห้ามนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต


    Comentários


    bottom of page