top of page

    ตอนที่ 3 สายสัมพันธ์



    ที่สนามบินนานาชาติแมคคาร์แรน เมืองลาสเวกัส คริสและนีน่ากำลังยืนที่ประตูรอรับผู้โดยสารขาเข้า ไฟล์ทบินจากแอลเอได้รับการแจ้งเตือนว่าเครื่องบินกำลังถึงพื้น เวลาผ่านไปสามสิบนาที หญิงไทยสองคนกำลังเดินออกมาที่ประตูผู้โยสารขาเข้า คริสและนีน่าต่างโบกมือให้สัญญาณเพื่อให้ทั้งคู่หันมามองที่พวกเขา นีน่าเข้าไปโผกอดแม่และยายของเธอ แล้วคริสกอดทั้งคู่สมทบ


    “โอ้ย! แม่เกือบไม่รอด”


    “พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย”


    “อุตส่าห์ท่องประโยคต่าง ๆ แต่พอพูดกับคนที่ด่าน สงสัยเขารำคาญ เขาไม่พูดอะไร ให้ผ่านทันที”


    “นี่ถ้าน้าอ้อมอยู่ด้วย คงจะสบายกว่านี้”


    แม่ของนีน่าทำหน้าตาเศร้า เมื่อนึกถึงน้องสาวของเธอที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อหกปีก่อน เธอจำได้ว่าไปอเมริกาครั้งแรกน้องสาวของเธอเป็นคนที่เตรียมแผนการเดินทางทั้งหมด เพื่อไปร่วมงานแต่งงานของนีน่าเธอจึงไม่มีความวิตกกังวลใจใดๆ ในการเดินทาง เธอรู้ดีว่าการใช้ภาษาอังกฤษที่ไม่สามารถสื่อสารได้มันยากแค่ไหน ทั้งจะต้องดูป้ายสัญญาณต่างๆ ในการเดินทาง ดูป้ายที่ชี้ทิศทางในการเดินภายในสนามบินที่ต้องมีการเปลี่ยนเครื่องบิน เธอนึกถึงการเดินทางที่เพิ่งผ่านมา ซึ่งเธอใช้เวลาในการเตรียมตัวอย่างมาก ด้วยการท่องคำศัพท์ และศึกษาบทสนทนาภาษาอังกฤษทั้งจากคลิปยูทูปและหนังสือที่ซื้อมาอ่าน แม้ว่าเธอจะเคยเรียนภาษาอังกฤษมามากกว่าสิบปี ก็ยังไม่สามารถสื่อสารได้ ในการเดินทางครั้งนี้เธอจึงใส่ใจเป็นพิเศษ และเตรียมตัวเป็นอย่างมาก


    “ยายเหนื่อยไหมคะ” นีน่าถามยาย


    “ไม่เท่าไหร่หรอกลูก พอทน อยากเห็นหน้าเหลนจัง”


    “หนูไม่ได้พาเอเลน่ามาด้วย ให้พี่ชายคริสช่วยดูอยู่ที่บ้าน”


    “ขี้เกียจเตรียมของขึ้นรถ แล้วอากาศหนาวด้วย ไม่อยากให้ออกมา”


    “จ้าๆ เรากลับบ้านไปดูหลานกันเลย คิดถึงจังเลย” แม่ของนีน่ากล่าว


    สักพักทั้งสี่คนก็เดินทางด้วยรถยนต์ที่คริสขับไปรับที่สนามบินมาถึงบ้านพักในเวลาเกือบๆ หนึ่งชั่วโมง ทั้งแม่และยายรีบไปดูหลานสาวที่เพิ่งเกิด เจอพี่ชายของคริสที่กำลังนั่งเล่นเกมเฝ้าหลานสาวที่กำลังนอนแบเบาะ


    “เฮลโหล” โจอี้พี่ชายของคริสกล่าวทักทายคนไทยที่มาใหม่


    “นี่ก็จะหนึ่งเดือนแล้วสินะ”


    “เหมือนคุณพ่อ ไม่มีเค้าแม่เลย” แม่ของนีน่าพูด


    “ค่ะ ตัวก็ยาวด้วย กินเก่งมากๆ ให้นมจนไม่มีนมจะให้แล้ว”


    ค่ำคืนนั้นผ่านไปด้วยความอบอุ่น แม่ของนีน่า คุณยาย คู่พ่อและแม่มือใหม่ต่างพูดคุยกันด้วยความสนุกสนาน ในประสบการณ์การเลี้ยงลูก แม่และยายของนีน่าผลัดกันอุ้มหลานสาวด้วยความรักใคร่ และหยอกล้อกับหลานสาวด้วยความรัก แล้วต่างแยกย้ายกันไปนอน แม่และยายของนีน่าจะพักอยู่อาศัยกับเธอเป็นเวลาสองสัปดาห์ก่อนที่จะกลับประเทศไทย ซึ่งแม่ของนีน่าก็ได้พูดกับนีน่าว่า

    “หนูต้องเลี้ยงลูกสามเดือน แล้วใครจะช่วยดูต่อจากนั้นล่ะ”


    “เห็นคริสบอกว่า ไม่มีทางเลือก จะให้โจอี้พี่ชาย ช่วยดูแลหลานไปก่อน”


    “อยู่บ้าน เขาก็ดูแลน้องบรู๊คมาจนโต”


    “เขาคุยกันแล้ว แค่ต้องจ่ายเงินเดือนบ้างเล็กน้อย”


    แม่ของนีน่าจึงบอกว่า


    “อืม! ก็ดูๆกันไปก่อน ใครว่างก็ช่วยดู”


    “ตอนนี้แม่ก็ยังไปไหนไม่ได้ ต้องดูแลธุรกิจเหมือนเดิม”


    นีน่าดูแลแม่และยายตลอดช่วงสองสัปดาห์ พาไปเที่ยวในเมืองลาสเวกัส และในทุกๆ วันคุณยายและยายทวดของเอเลน่าผลัดกันอุ้ม ชงนม ให้กับหลานสาวตัวน้อย ลูกสาวของนีน่าเลี้ยงง่าย กินเก่ง และตัวยาว ถึงกำหนดที่จะต้องเดินทางกลับประเทศไทย นีน่าและคริสพร้อมกับลูกสาว ได้เดินทางไปส่งคุณยายและคุณทวดของลูกสาวตัวน้อย นีน่าจับมือลูกสาวโบกไม้โบกมือเพื่อบอกลาคุณยายและคุณทวดของเธอ เด็กหญิงวัยหนึ่งเดือนมองตามคุณยายและคุณทวดที่กำลังเดินเข้าประตูขาออก


    “ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่นะ” นีน่าพูดกับผู้เป็นสามี


    “เอเลน่าอายุสักหนึ่งปี เราก็พาเขาไปเที่ยวเมืองไทยก็ได้”


    “ผมยังคิดถึงอาหารไทยอยู่เลย”


    “แต่ก็ไม่ชอบที่มันเผ็ดเกินไป เลยกินอะไรไม่ค่อยได้” ผู้เป็นสามีกล่าว


    “งั้นรอกินฝีมือกุ๊กอย่างฉันแล้วกันค่ำนี้ มันสุดยอดมาก”


    “จ้ะ ที่รัก ผมเห็นด้วย” คริสชื่นชมผู้เป็นภรรยา

    Comments


    bottom of page