top of page

    ตอนที่ 6 ออกจากรัง



    ทางมหาวิทยาลัยได้แจ้งข่าวการเข้าสมัครเรียนทางอีเมล และเอเลน่าได้รับการคัดเลือกเพื่อให้เข้าเรียนในสาขาวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อการสอนชาวต่างประเทศ เอเลน่าคิดว่าการที่ตนเป็นคนอเมริกันสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ สามารถเดินทางไปในประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ต้องขอวีซ่า น่าจะทำให้เธอมีโอกาสที่ดีในการทำงาน เธอจึงตัดสินใจเรียนในสาขาวิชานี้ แม้ว่าในอีกด้านหนึ่งนั้นเธอจะชอบเรียนคณิตศาสตร์และอยากเป็นวิศวกร อีกเหตุผลของการเลือกก็คือ เธอคิดว่าการเป็นครู เป็นงานที่มีความหมายสำหรับเธอ เธอชอบการถ่ายทอดเพื่อให้ความรู้ ส่วนเรื่องของเงินของอาชีพนั้นในมาตรฐานการจ่ายค่าแรงของระบบอเมริกามีไว้ชัดเจน เธอมองว่ามันก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก บางอาชีพที่จ่ายมากก็ต้องทำงานเสี่ยงภัย หรือต้องใช้เวลาในการเรียนมาก ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็มากตามไปด้วย เธอเองรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับพ่อแม่ว่าจะทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียน ดังนั้นเธอจึงเลือกสาขาที่เธอคิดว่าจ่ายได้ สาขาที่ต้องจ่ายเยอะเช่น ทันตแพทย์ หรือแพทย์ ถึงแม้ว่าจะได้ค่าตอบแทนสูงกว่า แต่ก็ใช้เวลามากกว่า ซึ่งค่าเรียนที่ต้องจ่ายมากต้องไปขอกู้เงินจากรัฐบาล และจะทำให้เป็นหนี้ระยะยาว ถึงแม้ว่าจะมีรายได้สูงแต่ก็ต้องจ่ายหนี้ซึ่งสูงเช่นกัน


    เอเลน่าขับรถยนต์ไปที่แอลเอ แคลิฟอร์เนีย เพื่อเข้าที่พักในระหว่างที่ศึกษาที่ UCLA ที่พักของเธออยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยโดยขับรถเพียง 15 นาที


    “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเอเลน่า เพิ่งย้ายเข้ามาค่ะ”


    ที่พักของเธอเป็นอพาร์ตเมนต์ที่แชร์ห้องนั่งเล่นและห้องครัว มีห้องนอนสามห้องนอน ค่าใช้จ่ายในแอลเอสูงมาก ห้องพักแบบแชร์ห้องครัวและห้องน้ำมักจะราคาถูกกว่าห้องเดี่ยว เพื่อนร่วมอพาร์ตเมนต์ของ เอเลน่ากล่าวทักทาย


    “ยินดีที่ได้รู้จัก ผมอลันครับ”


    “ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันนาตาลีค่ะ”


    “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันอาจจะส่งเสียงรบกวนพวกคุณหน่อยนะคะ ต้องขนของก่อน” เอเลน่าบอกเพื่อนร่วมอพาร์ตเมนต์


    ค่ำคืนของวันเดินทางเพื่อเริ่มต้นชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของเธอได้เริ่มขึ้น เธอเริ่มคิดถึงพ่อและแม่ ในค่ำคืนนี้เธอยังไม่ได้ทานอาหาร แต่เธอรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เธอจะต้องออกไปหาอาหารมากินเอง โดยปกติ เมื่อเธออยู่บ้าน เธอไม่ต้องทำอาหารเพราะแม่ของเธอจะจัดแจงเตรียมไว้ให้ทานในทุกๆ วัน เอเลน่าจึงได้โทรศัพท์ผ่านไลน์เพื่อพูดคุยกับแม่


    “สวัสดีค่ะแม่ การเดินทางโอเคค่ะ ขนของเรียบร้อย ไม่มีปัญหาใดๆ”


    “ดีแล้วจ้ะ เราเป็นห่วงหนูอยู่ แต่ก็คิดว่าลูกโตแล้ว คงไม่มีอะไรมาก พักผ่อนเถอะนะ”


    “คุณพ่อทำอะไรคะ”


    “เหมือนเดิมจ้ะลูก เล่นเกมตั้งแต่เด็กยันแก่”


    “แม่บ่นอีกแล้ว” เอเลน่าหัวเราะ เอเลน่าพูดคุยกับแม่เรื่องสภาพห้อง เพื่อนร่วมอพาร์ตเมนต์และที่พักของเธอจนรู้สึกหายเหงาในค่ำคืนแรกที่เธอห่างจากบ้าน แล้วจึงวางสายไป


    เอเลน่าได้กลิ่นทำอาหารของอลันปลุกแต่เช้า กลิ่นของอาหารที่อลันทำนั้นทำให้เธอรับรู้ได้ถึงความเป็นชาวอิตาเลียนของอลัน สปาเกตตีของเขาและกลิ่นอาหารที่หอมฟุ้งด้วยกลิ่นเนยและกระเทียมช่างเตะจมูกของเธอจริงๆ ในบางวันที่เอเลน่าเปิดตู้เย็น เธอได้เห็นอาหารของเพื่อนชาวอิตาเลียน ถึงกับกลืนน้ำลายอยากจะเอามือหยิบชิม แต่ก็อดใจเพราะไม่กล้าทำ ในตู้เย็นนั้นคนที่ใช้พื้นที่มากที่สุดคืออลัน ส่วนเธอและนาตาลี ก็จะมีอาหารติดตู้เย็นบ้างแต่ไม่มากนัก เอเลน่าไม่เคยทำอาหารมาก่อน แต่การใช้ชีวิตของตนเองที่ต้องออกจากบ้านเห็นจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ การทานที่ร้านอาหารมักมีค่าใช้จ่ายที่สูง เธอจึงต้องไปซื้ออาหารมาทำกินเอง บางทีเธอก็ซื้ออาหารสำเร็จมาไว้เพื่ออุ่นในไมโครเวฟ บางทีก็ซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารไทย อาหารไทยในแอลเอขายแพงมากๆ เธอจึงไม่ได้ออกไปทานอาหารที่ร้านบ่อยครั้ง จะมีบ้างบางโอกาสที่จะไปเมื่อเธอนึกถึงฝีมือในการทำก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหมูของร้านไทยเจ้าประจำที่เธอกิน


    จากการที่ต้องทำอาหารกินเอง เอเลน่าจึงได้เริ่มศึกษาสูตรอาหารไทยตามคลิปต่างๆ บนยูทูป และจากเว็บต่างๆ ในอินเทอร์เน็ต และเริ่มที่จะเกิดความชำนาญในการทำอาหาร บางครั้งเธอก็โทรศัพท์ผ่านไลน์ ไปปรึกษากับแม่ของเธอในการทำอาหารไทย ด้วยความที่เธอคิดถึงอาหารไทย เอเลน่าจึงใช้ความเป็นลูกครึ่งของเธอไปสมัครงานในร้านอาหารไทย เธอคิดในใจว่า ร้านไทยคงขาดพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว ร้านอาหารไทยในแอลเอมีเยอะมากๆ น่าจะหางานได้ไม่ยาก เธอเองเข้าใจภาษาไทยอยู่บ้าง สามารถสื่อสารได้ แต่ไม่ถึงกับชำนาญ แต่เธอทราบอาหารไทยทุกอย่างเพราะเธอชอบทานอยู่แล้ว การทำงานในร้านอาหารไทยของเธอจึงดูเป็นการพักผ่อน เพื่อจะได้อิ่มท้อง ได้กินอาหารอร่อยๆ และได้เงินไปด้วย เธอคิดในใจว่า

    “ดีจัง เกิดเป็นคนหลายชาติ ทำอะไรก็ได้”

    อีกด้านหนึ่งเธอก็คิดว่า รายได้ที่ได้จากร้านอาหารคงไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ เธอจึงได้ปรึกษากับแม่ของเธอ แม่ของเธอจึงตัดสินใจที่จะสนับสนุนเธอเดือนละสองพันดอลลาร์สหรัฐ นีน่าไม่ต้องการให้ เอเลน่าเป็นหนี้การศึกษาของรัฐบาล นีน่าคิดถึงการเลี้ยงดูสมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองไทย พ่อและแม่ของเธอต้องส่งเสียเธอ เธอจึงคิดว่าเธอก็ต้องการทำในแบบเดียวกันนี้ให้กับเอเลน่า เพื่อเอเลน่าจะได้รู้สึกเป็นอิสระในการใช้ชีวิตในวัยเรียนและไม่เป็นภาระหลังเรียนจบ

    Comentarios


    bottom of page