ตัวตนกับเงา
- Inspiresoul Thailand
- Jul 13, 2022
- 1 min read
Updated: Jul 14, 2022

Photo by Greg Rakozy on Unsplash
คุณแน่ใจหรือว่าคุณเป็นคนแบบนี้จริงๆ ? คำถามนี้อาจจะเป็นคำถามที่บางคนก็ไม่เคยสำรวจตัวเอง หรือบางคนอาจจะเคยสำรวจตัวเองบ้างแต่ก็เป็นการสำรวจทางอารมณ์พื้นฐาน เช่น เป็นคนตลก เป็นคนร่าเริง เป็นคนใจกว้าง เป็นคนชอบช่วยเหลือคน คำถามถัดไปคือคุณคิดว่าตัวเองที่คุณเป็น ณ ปัจจุบันนี้มาจากอะไร ? และคำถามสุดท้าย คุณจะเป็นแบบนี้ไปจนกระทั่งหมดเวลาของชีวิตหรือไม่ ? เรามาลองมองให้ลึกถึงตัวตนในระดับจิตวิญญาณ เพื่อจะได้เข้าใจตัวเอง และรู้จักกับสิ่งที่มันไม่ใช่คุณแต่เป็นเสมือนเงาที่เป็นกระจกของคุณ
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสติ ทำไมมนุษย์เกิดมาต้องมีสติ ไปเปิดข่าวในเว็บออนไลน์คุณเองก็อาจจะมองเห็นบ้างว่ามีข่าวที่มันไม่น่าโสภาในการอ่าน เช่น การฆ่าฟัน การถกเกียง อุบัติเหตุ ข่าวครอบครัวแตกแยก นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นเชิงประจักษ์แล้วว่า เหตุต่างๆ ที่เกิดกับมนุษย์นั้น
มันเป็น
ปัญหาที่มนุษย์กระทบกระทั่งกันเอาเองไม่ว่าจะมาจาก กาย วาจา ใจ หรือ การไม่มีสติยังยั้งชั่งใจ
นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งคำถามว่าจักรวาลมีชีวิตภายใน (Inner life) เสมือนชีวิตมนุษย์หรือไม่ ?
จากการตั้งคำถามจึงมีคำว่าสติของจักรวาล (Cosmo conciousness) ซึ่งหากข้อสรุปว่าจักรวาลมีชีวิตภายในจริง ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีสติของจักรวาล เฉกเช่นกับการเป็นมนุษย์ที่พูดถึงการมีสติ
หากเราจินตนาการไปที่ท้องฟ้า และจินตนาการต่อไปที่ทางช้างเผือกหรือระบบสุริยะจักรวาล สิ่งที่นักฟิสิกส์ได้ศึกษาก็คือดวงดาวที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ Nasa ซึ่งเป็นองค์กรแนวหน้าทำการศึกษาเรื่องดวงดาวมาตลอด แนะนำให้เรารู้จักเพียงบางกลุ่มที่ค้นพบเช่น กลุ่มดวงดาว Mercury, Venus, Uranus, Mars, Jupiter และ Sathurn เป็นต้น ซึ่งไม่นานมานี้กำลังสันนิษฐานว่าค้นพบดวง Planet X สิ่งเหล่านี้เป็นความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ที่ต้องการคำอธิบายสำหรับปรากฏการณ์ของธรรมชาติที่เกิดขึ้น ในจักรวาลนั้นยังมีดวงดาวอีกมากที่ Nasa ยังไปไม่ถึง บนดวงดาวเหล่านั้นอาจมีสิ่งที่มีชีวิตและสิ่งที่ไม่มีชีวิต คำถามคือใครเป็นผู้สร้างสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้น นักฟิสิกส์อาจจะบอกได้แค่เพียงว่าดวงดาวต่างๆ เกิดจากอะตอมของสสารซึ่งเป็นส่วนประกอบที่แสดงสิ่งต่างๆ ในจักรวาล และมีพลังงานในห้วงจักรวาลที่อุ้มชูให้ดวงดาวน้อยใหญ่มีการโคจร และหมุนรอบดวงดาวที่มันเป็นบริวารด้วยความเร็ว (Velocity) ที่ต่างกันไป ในบางโอกาสดวงดาวอาจมีความร้อนประทุทำให้เกิดการระเบิดหรือแยกตัวของอะตอมเกิดเป็นลำแสงต่างๆ ที่เดินทางออกมาจากจุดศูนย์กลางของกาแล็กซี่ และเราเหล่ามนุษย์อาจมองเห็นได้ในบางครั้ง
ผู้เชี่ยวชาญฟิสิกส์ชื่อว่า Gregory Matloff ได้เผยแพร่บทความ [1] ที่น่าสะพรึงว่า มนุษย์เป็นสารประกอบ (substance) ของจักรวาลที่เหลืออยู่ และอยู่ในสปิริต อีกทั้งจักรวาลนั้นมีการรับรู้ตัวตน (Self-aware) เขาได้เปิดข้อสงสัยว่า สิ่งที่เขาคิดนั้นมันสามารถเป็นแหล่งรวมจิตใจ (Panpsychism) ตามปรัชญาของกรีก ที่สามารถศึกษาได้ในวิทยาศาสตร์สำรวจ (Observation science) ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของฟิสิกส์ดวงดาว (Astrophysics) หรือไม่ จากการวิจัยที่กล่าวอ้าง ผู้เชี่ยวชาญไม่ได้ทำการศึกษาเรื่องตำนาน (Mythological) เป็นเพียงการวิเคราะห์ปรากฎการณ์ที่อาจสนับสนุนสติของจักรวาล (Cosmo conciousness) เท่านั้น
หากมีข้อสนับสนุนความเชื่อมโยงระหว่างวิทยาศาสตร์สมัยใหม่และปรัชญาของกรีกที่สอดคล้องกันแล้ว
เราเหล่ามนุษย์ ก็คงถูกส่งมาให้เล่นละครในโลกมนุษย์
ความเจริญของเทคโนโลยี การสำรวจดวงดาว และวิทยาศาสตร์ในสาขาต่างๆ ที่เราพยายามคิดค้นกันนั้น ก็เป็นเพียงการศึกษาเพื่อธำรงไว้ซึ่งความเป็นมนุษยชาติ เพื่อให้ดวงดาวดวงนี้ที่เรียกว่า "โลก" คงอยู่ได้ในจักรวาล
ในมิติจักรวาลนั้นเมื่อพระเจ้าส่งจิตวิญญาณเข้าสู่ร่าง พระเจ้าก็จะเฝ้ามองท่านเพื่อดูการเติบโตในการเป็นมนุษย์ การเติบโตของแต่ละคนจะแสดงถึงวิญญาณหรือสปิริต (Spirit) ซึ่งหมายถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในจักรวาลซึ่งเป็นการหล่อหลอมเหล่ามวลมนุษย์ให้เป็นหนึ่งเดียว การขัดเกลาจิตใจของมนุษย์จะเกิดขึ้นจากการทำบททดสอบที่พระเจ้าส่งมาให้เรียนรู้ และเมื่อผ่านบททดสอบในแต่ละบท จิตวิญญาณของคุณก็จะถูกยกระดับขึ้นเรื่อยๆ และเข้าใกล้สติของจักรวาล
คุณในมิติจิตวิญญาณก็คือตัวตนที่แท้จริง
เราเหล่ามนุษย์ที่ดำรงชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ต่างมีวิถีชีวิต ที่ถูกกำหนดตามกฎเกณฑ์ของโลก การจำแนกตามรูป ชาติพันธุ์ สีผิว สังคม ประเทศ การศึกษา เศรษฐกิจ ที่แตกต่างกันไป ดังนั้น
ตัวตนของคุณจึงมีอีกคนที่เป็นเงาของคุณ
เงาของคุณคืออีโก้ (Ego) หรืออาจเรียกว่าเอกลักษณ์ (Identity) ที่ถูกสร้างขึ้นจากกฎเกณฑ์ของโลกมนุษย์ เช่น คุณลักษณะทางกายภาพ เพศ สีผิว ชาติพันธุ์ อาชีพ การศึกษา ฐานะ ความเชื่อ ประสบการณ์ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้คือเอกลักษณ์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเงาของคุณ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีมูลค่าที่สามารถตีค่าได้ในมิติของจิตวิญญาณ มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะเกิดขึ้นเสมือนดาบที่คุณอาจจะใช้ทิ่มแทงตนเองหรือผู้อื่นได้ในอนาคต นั้นคือ "อคติ"
เอกลักษณ์หรืออีโก้เป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิตในมิติของโลกมนุษย์ และเป็นเครื่องมือในการสร้างอคติให้กับตัวตน
อีโก้ที่ติดตัวตน จะสามารถมองเห็นได้จากการแสดงออกผ่าน รูป อารมณ์ จิตใจ และพลังงานที่จะออกจากร่างกายเสมอ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังนั่งสนทนากับใครบางคน ถ้าคุณเพ่งความสนใจต่อเขาอย่างจริงจัง คุณก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงอีโก้ในตัวเขา เมื่อคุณรับรู้ได้คุณก็อาจจะเกิดปฏิกิริยาในใจคุณที่รับรู้ผ่านอีโก้ของตัวคุณ แล้วสิ่งที่ตามมาก็คือการเลือกที่จะตอบสนองหรือไม่ตอบสนอง
คุณต้องต่อสู้กับอีโก้ของมนุษย์อื่นและคุณต้องต่อสู้กับอีโก้ของตนเอง
การต่อสู้ระหว่างอีโก้ จึงอาจจะอยู่ในรูปแบบพลังงานของประจุความคิดบวกและลบ สิ่งที่จะเป็นปัญหาในความสัมพันธ์ก็คือประจุความคิดลบ ไม่ว่าจะมาจากความคิดของฝ่ายใดก็ตาม
เมื่อคุณคิดลบ จิตใจของคุณจะเศร้ามอง
ปฏิกิริยาการต่อต้านก็จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะถูกแสดงออกทางรูป อารมณ์ พลังงานความคิด และความรู้สึกของจิตใจต่อไป ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำอย่างเร่งด่วนคือ
การมองเห็นอีโก้ของตนเอง ณ ปัจจุบันขณะ
และไม่เอามันมาใช้เวลาที่กำลังปฏิสัมพันธ์กับใครก็ตาม อีโก้ที่คุณมีก็จะเป็นเพียงข้อมูลเอกลักษณ์ที่ถูกกำกับในโลกมนุษย์ และในที่สุด
คุณก็จะชนะใจตนและมองเห็นตัวตนที่แท้จริง
และเมื่อคุณทำได้สำเร็จ สติในการดำรงชีวิตของคุณบนโลกมนุษย์ก็จะเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับสติของจักรวาล และเมื่อถึงเวลานั้นการดำรงชีวิตของคุณจะเปลี่ยนแปลงไปเสมือนหนึ่งมีพระเจ้าคุ้มครอง
InspireSoul
inspiresoulth@gmail.com
Copyright @2022 inspiresoulthailand.com สงวนลิขสิทธิ์ห้ามสำเนาหรือเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต
อ้างอิง
[1] https://jcer.com/index.php/jcj/article/view/579/595
Comments