top of page

    ศาสนากับจิตวิญญาณ


    Photo by Noah Holm on Unsplash


    ศาสนาในที่นี้ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ศาสนากับจิตวิญญาณต่างมีรากกำเนิดเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิต ในแง่มุมต่างๆ เช่น ชีวิตส่วนตัว ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ การดำรงชีวิตในสังคม เป็นต้น ซึ่งทั้งศาสนาและจิตวิญญาณต่างมีพื้นฐานในการเรียนรู้ชีวิตเหมือนๆ กัน เพียงแค่มีการปฏิบัติที่แตกต่างกันในบางส่วนเท่านั้น ศาสนา เป็นสิ่งที่มนุษย์ยึดถือตามกลุ่มของสังคมที่มนุษย์ผู้นั้นอยู่หรือมนุษย์ผู้นั้นมีความเชื่อ ขณะที่แนวทางปฏิบัติจิตวิญญาณนั้นเกิดขึ้นในตัวบุคคล โดยปราศจากกลุ่มหรือสังคมใดๆ แต่เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโดยเฉพาะ


    ผู้ที่มีความเคร่งครัดในการปฏิบัติตามแนวทางของศาสนา มักจะถูกมองว่าเป็นผู้ที่มีจิตวิญญาณหรือมีแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับจิตวิญญาณเสมอ แต่ในทางกลับกันผู้ที่ปฏิบัติตามแนวทางของจิตวิญญาณอาจจะไม่ใช่ผู้ที่มีความเคร่งครัดในศาสนา อย่างไรก็ตามการถือปฏิบัติทั้งตามแนวทางของศาสนาและจิตวิญญาณนั้นสามารถไปด้วยกันได้ และผู้ที่ปฏิบัติทั้งตามแนวทางศาสนาและจิตวิญญาณนั้นต่างก็สามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เพื่อให้พ้นทุกข์ ด้วยการสร้างความสงบภายในจิตใจ และให้อภัยต่อกันและกันเมื่อมีการกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้น


    การถือปฏิบัติตามแนวทางศาสนาดูจะเป็นสิ่งที่มีแบบแผนที่ชัดเจนในการปฏิบัติ เช่น กลุ่มผู้ปฏิบัติร่วมกันทำกิจกรรมสำคัญๆ ในทางศาสนาตามแต่ศรัทธา หรือบุคคลยึดถือการปฏิบัติตามวิถีของศาสนาคนที่ยึดถือหรือเคร่งครัดในศาสนาก็มักจะสามารถดำรงตนในการใช้ชีวิตได้โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาทางจิตใจ เนื่องจากการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ นั้นมักเกิดขึ้นในสังคมกลุ่มผู้ปฏิบัติ จึงเกิดความรู้สึกของการเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของกลุ่ม ที่สร้างคุณค่าในด้านต่างๆ ร่วมกัน อีกทั้งในแต่ละศาสนามักมีพิธีกรรมสำคัญๆ อยู่เรื่อยๆ ซึ่งทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นภายในกลุ่มได้ ในด้านการสั่งสอนนั้น

    ศาสนาให้คำแนะนำในการดำรงอยู่หรือใช้ชีวิต โดยต่างมุ่งเน้นให้กระทำสิ่งที่ถูกต้อง

    และแนะนำการเรียนรู้ในการใช้ชีวิตในแง่มุมต่างๆ และในสถานการณ์ต่างๆ

    การถือปฏิบัติตามแนวทางจิตวิญญาณนั้นเป็นการสร้างความเชื่อมโยงกับบางสิ่งบางอย่างที่ใหญ่หรืออยู่นอกเหนือจากกายภาพที่มนุษย์ดำรงอยู่

    ซึ่งอาจมีการกล่าวอ้างถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพระเจ้า ซึ่งแสดงให้เห็นความเกี่ยวข้องระหว่างมนุษย์กับสิ่งที่ใหญ่กว่ามนุษย์ และพยายามช่วยเหลือให้บุคคลสามารถเข้าใจถึงภายในจิตใจของตนเองและสามารถเข้าใจผู้อื่นได้ ในขณะที่พยายามหาคำตอบให้กับมนุษย์ใน

    การหาความหมายของการมีชีวิตในโลกมนุษย์

    แนวทางปฏิบัติทางจิตวิญญาณคำนึงถึง ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และพลังงาน ที่จะทำให้มนุษย์สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เป็นอย่างดี โดยแนวปฏิบัติหลักๆ ได้แก่

    • การสร้างความรู้สึกให้รู้จักตัวตน ผ่านการตระหนักรู้ในการเลือกตัดสินใจในการทำกรรมต่างๆ

    • การเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของบุคคลกับคนอื่นๆ โดยชี้ให้เห็นถึงความเชื่อที่เกิดขึ้นใน ตัวบุคคลและการเติบโตของบุคคล

    • การสอนให้ยอมรับบุคคลอื่นๆ โดยไม่เลือกว่าเขาเหล่านั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาหรือไม่ก็ตาม

    ในการปฏิบัติตามแนวทางจิตวิญญาณได้แนะนำการนั่งสมาธิเช่นเดียวกันกับการปฏิบัติตามแนวทางของศาสนา การนั่งสมาธิเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ตัวตนภายในระดับลึกๆ และนำไปสู่การเชื่อมโยงกับเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ หรือการเชื่อมโยงไปยังธรรมชาติและสรรพสิ่งต่างๆ การแสดงถึงสติสัมปะชัญญะของบุคคลนั้นอาจแสดงออกในรูปแบบของศิลปะ บทกวี ความเชื่อ และการปฏิบัติทางศาสนา ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติในแนวทางจิตวิญญาณเป็นการสร้างความรู้สึกใหม่ให้เกิดขึ้น คือการรู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งของโลกซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ รวมถึงการตระหนักรู้ของบุคคลในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

    ดังนั้นทั้งศาสนาและแนวทางจิตวิญญาณ ต่างก็ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาจิตใจตนเองให้เกิดความสงบ และการเห็นอกเห็นใจเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีและรังสรรค์โลกให้มีความสงบสุขต่อไป


    Inspire Soul


    inspiresoulth@gmail.com


    Copyright @2022 by www.inspiresoulthailand.com ห้ามเผยแพร่โดยไม่ได้รับการอนุญาต


     
     
     

    Comentarios


    bottom of page