โชคชะตา พรหมลิขิต หรือสัญญาจิตก่อนเกิด
- Inspiresoul Thailand
- Jan 12, 2019
- 1 min read
Updated: Sep 7, 2022

เมื่อเราเกิดมาจิตใจของเราจะถูกท้าทายเสมอ โชคชะตาอาจนำพาให้เราพบเจอสิ่งที่ไม่คาดคิด พรหมลิขิตอาจทำให้เราหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นไม่ได้ และสัญญาจิตก่อนเกิดเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญเพื่อให้ข้ามพ้นผ่านอุปสรรคนั้นให้ได้
โชคชะตาอาจนำพาให้เรามุ่งสู่จุดที่สูงหรือมีความเป็นอยู่ที่ดี แต่บางครั้งพรหมลิขิตเหมือนภูเขาบังการเดินทางของเราทำให้เรามืดบอด ต้องยอมรับกับความท้อแท้หรือความผิดหวังที่เราไม่สามารถก้าวข้ามสิ่งนั้นได้
คุณกำลังดำรงชีวิตอยู่ภายใต้สิ่งที่ถูกลิขิต หรือคุณกำลังดำรงชีวิตอยู่เพื่อสร้างโชคชะตาของตัวคุณเอง
หลายๆคนอาจจะยอมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่จำยอมเหมือนถูกลิขิตมา โดยอ้างว่าไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ยกตัวอย่างเช่น การอยู่ในความสัมพันธ์ที่ดูออกจะย่ำแย่ ถูกทุบตี ถูกทำร้ายและเอาเปรียบ บางคนสามารถฟันฝ่าเอาชนะพรหมลิขิตที่ถูกจำกัดจนกระทั่งสามารถสร้างโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่ของเขาได้เอง
เราทุกคนต่างต้องพบเจอคนที่เข้ามาในชีวิต เพื่อทดสอบและท้าทายการพัฒนาทางจิตใจของเรา
สัญญาจิต (Soul contract) คือสัญญาก่อนเกิดที่เราตกลงกับจิต (soul) อื่นๆ ที่จะยอมรับให้เข้ามาเพื่อท้าทายจิตใจของเรา
เราจะมีความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ตามสัญญาจิตที่เราได้ตกลงกันไว้ก่อนเกิด สัญญาจิตคือสิ่งที่เราจะต้องรับมือเพื่อพัฒนาปรับปรุงตัวและโต้ตอบกับปัญหาต่างๆ ลองสังเกตความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนๆหนึ่ง บางคนมีความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวด้วยเรื่องในแบบเดียวกันหลายครั้งกับหลายคน บางคนมีความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวในหลายๆเรื่องที่แตกต่างกับหลายๆคน นั่นเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าเรายังไม่สามารถก้าวผ่านปัญหาและอุปสรรคในความสัมพันธ์ได้
สัญญาจิตในความสัมพันธ์มีหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละคนอาจจะมีไม่เหมือนกัน คุณลองหันมองไปที่อดีตที่คุณมีเคยมีความสัมพันธ์ บางทีคุณอาจจะเห็นรูปแบบของสัญญาจิตของคุณได้อย่างชัดเจน ในบางเรื่องอาจเป็นเรื่องที่เกิดซ้ำๆ ขอยกตัวอย่างสัญญาจิตที่มักจะพบในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น
"สัญญาจิตกลัวการเปลี่ยนแปลง"
หากคุณมีความสัมพันธ์กับใคร คุณมักมองหาความมั่นคงในจิตใจ หรือรวมไปถึงทางด้านกายภาพ สัญญาจิตนี้จะทำให้คุณคัดเลือกและคัดสรรคนที่จะเข้ามาในชีวิต หรือคุณอาจจะสร้างกฎเกณฑ์ต่างๆในการประคองความสัมพันธ์ เพราะคุณต้องการรักษาความมั่นคงต่างๆไว้ หากเขาหรือเธอได้ทำการใดๆที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลง คุณก็จะเลิกกับเขาได้อย่างง่ายดาย หรือในทางตรงข้ามคุณเมื่อคุณมีความสัมพันธ์กับใคร คุณอาจจะยอมเขาทุกอย่างเพราะคุณกลัวการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น จึงจำใจต้องทนอยู่ไปทั้งที่ไม่มีความสุขเพราะคุณไม่กล้าก้าวข้ามไปสู่การเปลี่ยนแปลง
"สัญญาจิตไม่ปล่อยวาง"
เมื่อเกิดปัญหาขึ้นในความสัมพันธ์ คุณยากที่จะให้อภัยคนที่สร้างความบอบช้ำให้กับคุณ ความรู้สึกนั้นจะเกาะอยู่ในส่วนลึกภายใต้จิตใจของคุณตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเรื่องนั้นอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ คุณก็ยากที่จะมองข้าม และคิดเสมอว่าเขาหรือเธอคือคนที่ทำให้คุณรู้สึกแย่
"สัญญาจิตกังวลใจ"
เมื่อคุณอยู่ในความสัมพันธ์ คุณอาจจะมีความวิตกกังวลเรื่องต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับคู่ของคุณ คุณไม่สามารถละทิ้งปัญหาของเขาหรือเธอได้ ทั้งที่ปัญหาเหล่านั้นเป็นของคู่ของคุณ หรือคุณอาจจะไม่ไว้วางใจคู่ของคุณแม้ว่าเขาจะแสดงความซื่อสัตย์ต่อคุณแค่ไหนก็ตาม คุณจะติดตามและค้นหาสิ่งที่ทำให้คุณกังวลใจอยู่เสมอ
"สัญญาจิตห่วงใย"
คุณไม่อาจละจากเขาหรือเธอได้แม้เพียงเวลาน้อยนิด คุณต้องการดูแลเข้าใกล้ ถึงแม้เขาอาจจะต้องการพื้นที่ส่วนตัวก็ตาม คุณคิดอยู่เสมอว่าความห่วงใยของคุณเป็นความปรารถนาดีต่อเขาและเป็นสิ่งที่เขาต้องการ
"สัญญาจิตทำร้ายทางจิตใจหรือร่างกาย"
คุณยอมรับคำพูดบางอย่างของคู่ของคุณที่จะบั่นทอนจิตใจ คำพูดที่ไม่ให้เกียรติ คำพูดดูถูกถากถาง หรือคุณยอมที่จะถูกเขาทำร้ายร่างกาย โดยก้มหน้ายอมรับว่านั่นคือกรรมที่คุณกับเขาทำร่วมกันมา
"สัญญาจิตความเดียวดาย"
คุณมองหาความสัมพันธ์อยู่เสมอ เมื่อความสัมพันธ์ของคุณจบลงในแต่ละครั้ง คุณจะรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย ต้องการใครสักคนที่จะมาเคียงข้างเพื่อลบความรู้สึกเหล่านั้น บ่อยครั้งที่อาจจะกระโจนเข้าหาความสัมพันธ์ครั้งใหม่โดยไม่ทันได้ตรึกตรองว่าเขาหรือเธอนั้นเป็นคนอย่างไร
ดูแล้วสัญญาจิตแต่ละอย่างอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ไม่ราบรื่น แต่ขอให้คุณพิจารณาที่ตัวของคุณเพื่อการหลุดพ้นสัญญาจิตเหล่านั้น เขาหรือเธอเป็นเพียงบุคคลอื่นที่เข้ามาทดสอบความท้าทายของจิตใจ
สัญญาจิตมีไว้เพื่อให้คุณเรียนรู้ คุณจะปลดปล่อยพันธนาการจากสัญญาจิตได้ด้วยตัวคุณเอง สิ่งที่เกิดขึ้นต่างๆในความสัมพันธ์กระทบตัวคุณอย่างไร
จงมองตัวคุณเองแล้วพิจารณาว่าคุณเป็นคนอย่างไร ?
คุณตีคุณค่าตัวคุณอย่างไรในความสัมพันธ์ ?
สัญญาจิตมีไว้ให้คุณเรียนรู้ และเมื่อคุณตระหนักรู้ ให้ทดลองเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเองทีละเล็กทีละน้อย แล้วคอยสังเกตตัวเอง ดูอารมณ์ จิตใจ และดูสิ่งที่สะท้อนที่คุณสัมผัสได้จากเขาหรือเธอ เมื่อคุณพยายามปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆในตัวเองเพื่อให้หลุดพ้นสัญญาจิต คุณไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ความพยายามใดเปลี่ยนแปลงเขาเหล่านั้น เมื่อถึงจุดหนึ่งคุณจะสามารถปลดปล่อยสัญญาจิตที่เลวร้ายออกไปจากชีวิตของคุณได้
แน่นอนว่าความเจ็บปวดอาจเป็นแรงผลักดันเพื่อให้คุณก้าวข้ามไปสู่จุดที่ดีกว่า หรืออาจดึงรั้งให้คุณกลัวที่จะต่อต้าน
จงใช้สติสัมปชัญญะ ทบทวน ไตร่ตรอง แล้วค่อยๆก้าวข้ามเพื่อผ่านบททดสอบเหล่านั้น
Inspire Soul
Copyright @2022 by inspiresoulthailand.com สงวนลิขสิทธิ์ห้ามนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
Comments